จัดบ้านอย่างไร ให้เป็นฐาน Work From Home

เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ในหลายประเทศร่วมถึงประเทศไทยขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้าน รวมถึงพนักงานในบริษัทหลายๆ แห่งก็ต้องย้ายฐานทัพปรับชีวิตการทำงานมา Work from home กันแทน

เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ในหลายประเทศร่วมถึงประเทศไทยขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้าน รวมถึงพนักงานในบริษัทหลายๆ แห่งก็ต้องย้ายฐานทัพปรับชีวิตการทำงานมา Work from home กันแทน เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อนั่นเอง แต่รู้ไหม ไม่ว่าจะที่ออฟฟิศหรือ Work from home การมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้เราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดูได้จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัย ‘Florida State University’ ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกว่า สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน เช่น ความสกปรก เสียงดัง หรือขาดแรงกระตุ้นในการทำงาน จะส่งผลกระทบทำให้กระบวนความคิดและการรับรู้ของคนทำงานลดลงในระยะยาว

สร้างสมาธิในการทำงาน ด้วยการแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน

แม้จะ Work From Home แต่เราก็ยังต้องการสมาธิในการทำงานไม่ต่างจากอยู่ที่ออฟฟิศ ดังนั้นการจัดพื้นที่ทำงานภายในบ้านให้เป็นสัดส่วนไม่ปะปนอยู่กับห้องนอนหรือห้องครัวก็เป็นสิ่งที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนท

เช่น ถ้าใครอยู่บ้านหรือคอนโดก็ง่ายขึ้นหน่อย เพราะมีพื้นที่มากพอที่จะแบ่งมาเป็นที่ทำงาน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่อยู่หอ ทำให้มีพื้นที่จำกัด ก็แนะนำลองเลือกหามุมดีๆ สักมุมของห้องวางโต๊ะ และวางเก้าอี้ แทนที่จะนั่งทำงานอยู่บนเตียง เพราะการทำงานบนเตียงนอกจากทำให้ปวดเมื่อยตัวได้ง่ายแล้ว โอกาสที่เราจะนอนมากกว่านั่งทำงานก็มากกว่าเช่นกัน กลายเป็นว่าไปๆ มาๆ ไม่ได้ทำงานซะงั้น

เลือกมุมที่ใช่ ยังไงก็ได้งาน

มุมที่จะช่วยให้เรา Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างแรกคือต้องเลือกวางโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่างหรือระเบียง เพราะแสงสว่างจากธรรมชาติจะช่วยให้มุมทำงานไม่ดูอึมครึมจนเกินไป และจากการศึกษาของ ‘The Journal of Clinical Sleep Medicine’ วารสารทางการแพทย์จากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า พนักงานที่ทำงานในห้องที่มีหน้าต่างและมีแสงสว่างเพียงพอ จะมีการตื่นตัวในกิจกรรมด้านกายภาพ และมีการหลับอย่างมีคุณภาพในยามกลางคืนมากกว่า


รวมถึงการทำงานในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ จะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานได้สูงถึง 60% เลย นอกจากแสงสว่างแล้ว การนั่งทำงานใกล้หน้าต่างหรือระเบียงจะช่วยให้เราได้ลมเย็นๆ จากธรรมชาติและได้อากาศที่ถ่ายเทสะดวก บางเวลาจึงไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลมให้เปลืองค่าไฟประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีก

เติมสีเขียวในบ้าน สร้างความสดใส

รู้หรือไม่ ‘สีเขียว’ ถูกขนานนามว่าเป็นสีแห่งการบำบัด ที่นอกจากช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่งแล้ว สีเขียวยังช่วยกระตุ้นให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ หรือมีไอเดียใหม่ๆ ในการทำงานได้ด้วย
เพราะอยู่ที่ทำงานเวลาต้องการสีเขียว อาจจะทำได้แค่ซื้อต้นไม้เล็กๆ มาวางไว้บนโต๊ะทำงาน แต่วันนี้เราได้ Work From Home ในที่ของตัวเอง ก็ลองเลือกซื้อต้นไม้ที่สามารถปลูกในบ้านได้มาสักต้น เช่น ไทรใบสัก ยางอินเดีย จั๋ง เยอบีร่า ลิ้นมังกร เดหลี เขียวหมื่นปี ซานาดู มอนสเตร่า ปาล์มไผ่ สาวน้อยประแป้ง มาวางไว้ข้างโต๊ะทำงานหรือวางไว้สักมุมของห้องก็ไม่เลวเลยเพราะนอกจากสีเขียวของต้นไม้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราให้ดีขึ้นถึง 20% และสร้างความสุนทรียภาพให้บรรยากาศแล้ว เจ้าต้นพวกนี้ยังมีสรรพคุณฟอกอากาศ ช่วยให้บ้านหรือห้องของเราปลอดสารพิษ แถมยังถึก อดทน ดูแลไม่ยากอีกด้วย

กลิ่นหอมๆ ช่วยให้สมองผ่อนคลาย

ขึ้นชื่อว่าทำงานก็มักจะมาพร้อมกับ ‘เรื่องเครียดๆ’ เป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ มนุษย์ก็เลยต้องคิดค้นวิธีการสารพัดเพื่อมาใช้บำบัดความเครียดที่เกิดขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘การได้กลิ่นหอมๆ’ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายลงได้

จากรายงานของนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ที่เผยแพร่ลงในวารสารการวิจัย ‘Frontiers in Behavioral Neuroscience’ พบว่า กลิ่นของพืชมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด โดยกลิ่นที่ควรใช้ในพื้นที่ทำงาน ควรต้องเป็นกลิ่นเย็นๆ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ดมแล้วสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แอคทีฟ เรี่ยวแรงกลับมา เช่น กลิ่นในกลุ่มผลไม้ซีตรัส อย่าง ส้ม มะนาว เลมอน หรือจำพวกกลิ่นมินต์ กลิ่นโรสแมรี่ กลิ่นยูคาลิปตัส หรือลิ่นกุหลาบ เป็นต้น

จัดมุมเล็กๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็ต้องมีอารมณ์หดหู่กันบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเราอยู่บ้านนานๆ บางคนอาศัยอยู่กับครอบครัวอาจจะดีกว่าหน่อยที่มีคนคอยพูดคุยหรือชวนทำกิจกรรมในวันหยุด แต่ถ้าใครที่อยู่คนเดียวบอกได้เลยมีแต่เหี่ยวกับเฉาคลุกเคล้าสลับกันไป

ดังนั้นลองจัดมุมเล็กๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ยามที่เหนื่อยล้าเมื่อไหร่เงยหน้าขึ้นไปก็ยังเจอสิ่งที่ชอบ เช่น วางโมเดลฟิกเกอร์ของสะสมไว้บนโต๊ะทำงาน หรือหาภาพถ่ายภาพวาดสวยๆ มาตั้งหรือแปะไว้บนผนัง ถ้าใครสายท่องเที่ยวก็ลองเอาโปสเตอร์ที่เที่ยวหรือเอาแผนที่โลกใหญ่ๆ มากางไว้หน้าโต๊ะทำงานให้สะใจไปเลย

เฟอร์นิเจอร์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

หลายคนมักละเลยไม่ให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานในการทำงาน อย่าง โต๊ะและเก้าอี้ ตอนนี้อย่าลืมว่าไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่เราจะต้อง Work From Home ถ้าแค่ 1-2 เดือน คงไม่เป็นไรแต่ถ้านานกว่านั้นล่ะจะทำอย่างไรดี


เป็นไปได้เราก็อยากแนะนำโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่ได้มาตรฐาน เวลานั่งทำงานนานๆ ไม่สร้างโฮมซินโดรมแถมมาด้วย เช่น โต๊ะทำงานควรสูงประมาณ 74-78 ซม. สำหรับผู้ชาย และสูง 70-74 ซม. สำหรับผู้หญิง ส่วนเก้าอี้ควรเป็นเก้าอี้แบบที่ใช้ในออฟฟิศ ที่มีเบาะนุ่มๆ มีพนักพิงหลัง มีที่วางแขนและที่พักเท้า เมื่อนั่งแล้วช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ออฟฟิศหรือ Work From Home ก็ควรออกกำลังกายเป็นประจำ หรือระหว่างทำงานก็ยืดเหยียดหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่างน้อยๆ ทุก 1 ชั่วโมง



เราใช้คุกกี้ ( Cookie ) เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี และพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเสนอข้อมูล ข้อกำหนดและเงื่อนไข

ยอมรับ