ทำความรู้จักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 62

วันนี้จะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2562 กันก่อนที่จะเริ่มใช้จริงในปี 2563 นี้ค่ะ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะจัดเก็บทุกปี เริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 มาแทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ (คือคนที่เคยเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่นั้น ตั้งแต่ปี 2563 จะไม่ต้องเสียภาษีเหล่านี้ แต่จะเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทน) เรามาทำความรู้จักกับพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กันดีกว่าค่ะ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะจัดเก็บทุกปี เริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 มาแทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ (คือคนที่เคยเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่นั้น ตั้งแต่ ปี 2563 จะไม่ต้องเสียภาษีเหล่านี้ แต่จะเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทน) เรามาทำความรู้จักกับพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เพื่อความเข้าใจสามารถแบ่งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ


  1. ฐานภาษี คือ จำนวนเงินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี เกิดจาก มูลค่าที่ดินรวมกับสิ่งปลูกสร้าง ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากกรมธนารักษ์ โดยสามารถค้นหาราคาที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และอาคารชุด จากเว็บไซต์ http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/ ซึ่งจะแยกราคาตามประเภทและจังหวัด


  1. ผู้เสียภาษี คือ เจ้าของที่ดิน เจ้าของสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของห้องชุด หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือทำประโยชน์ในทรัพย์สิน (ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง) ของรัฐ ณ วันที่ 1 มกราคมของปีใด ต้องสียภาษี ณ ปีนั้น


  1. ผู้จัดเก็บภาษี คือ เทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต), กรุงเทพฯ, เมืองพัทยา


01


ใครต้องเป็นคนเสียภาษี?

คนที่ถือครองหรือทำประโยชน์ในที่ดิน ในวันที่  1 มกราคม ของปีไหน ก็เสียปีนั้น ถ้าคนถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นคนละคนกัน ต่างคนก็ต่างเสียภาษีตามสิ่งที่ตัวเองถือกรรมสิทธิ์


02


อัตราภาษีที่ดินประเมินราคาอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองที่ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะประเมินภาษีให้ โดยจะส่งแบบประเมินให้ผู้เสียภาษีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผู้เสียภาษีต้องชำระให้เรียบร้อยภายในวันที่ 30 เมษายน แบบประเมินภาษีจะมีรายละเอียดของรายการที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษี และจำนวนภาษีที่ต้องชำระ


เมื่อคุณต้องชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะต้องจ่ายตามลักษณะประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้งาน หากคุณนำที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีไปใช้ทำมาหากินหรือพักอาศัยอื่น ๆ ก็จะจ่ายในอัตราที่ต่างกัน โดยอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะประเมินราคาแตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ


  • ใช้เพื่อเกษตรกรรม 

หากคุณมีที่ดินไว้ปลูกพืช ทำนา ทำไร่ ทำสวน หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างสำหรับเลี้ยงสัตว์ สร้างบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือทำกิจการอื่นๆ ตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ให้เป็นกิจการเพื่อการเกษตร จะต้องเสียภาษีสูงสุด 0.15% กรณีที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่า 50 ล้านบาท ขึ้นไป แต่หากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในครอบครองมูลค่าต่ำกว่านั้น จะได้รับการยกเว้นภาษี


  • ใช้เป็นที่อยู่อาศัย

หากคุณเป็นทั้งเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือเป็นเจ้าของเฉพาะที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีที่เสียภาษีนั้น จะได้รับการยกเว้นภาษีกรณีที่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท แต่หากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่ามากกว่านั้น จะต้องเสียภาษีสูงสุด 0.03%


  • ใช้ในเชิงพาณิชย์

หากคุณนำที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในครอบครองไปใช้เพื่อการค้าหรือแสวงหากำไร เช่น ปล่อยเช่า เป็นต้น จะต้องเสียภาษีในอัตราสูงกว่าการใช้เพื่อการเกษตรและที่อยู่อาศัย โดยจะเสียภาษีสูงสุด 1.2%


  • ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด ๆ

หากคุณมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้นำไปใช้สร้างประโยชน์ใด ๆ ก็ต้องจ่ายภาษี โดยอัตราภาษีสูงสุดที่ต้องจ่ายอยู่ที่ 1.2% นอกจากนี้ หากคุณปล่อยทิ้งร้างไว้นาน 3 ปีติดต่อกัน อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 0.3% ทุกครั้ง ซึ่งอัตราภาษีสูงสุดจะไม่เกิน 3%


03


ฐานภาษีที่ได้รับการยกเว้น

เมื่อคุณทราบแล้วว่าอัตราภาษีที่คุณต้องจ่ายนั้นคิดเป็นร้อยละเท่าใด ก็จะช่วยให้คำนวณราคาภาษีที่ต้องจ่ายได้ง่ายขึ้น โดยสูตรคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะคำนวณแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษี ดังนี้ค่ะ


  • มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง – มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับการยกเว้น = มูลค่าของฐานภาษี
  • มูลค่าของฐานภาษี x อัตราภาษี = ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง


อย่างไรก็ตาม มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับการยกเว้นนั้น ก็แตกต่างกัน คุณจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย โดยฐานภาษีที่ได้รับการยกเว้นมี ดังนี้

  • ยกเว้นกรณีทำเพื่อการเกษตร

เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง (แบบบุคคลธรรมดา) ที่นำมาใช้ทำประโยชน์เชิงเกษตรกรรม จะได้สิทธิหักมูลค่าฐานภาษี 50 ล้านบาท และรับการยกเว้นภาษีนาน 3 ปี

  • ยกเว้นกรณีทำเป็นที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่
  • เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (แบบบุคคลธรรมดา) ที่นำมาใช้พักอาศัยเองเป็น 'บ้านหลังหลัก' และครอบครองทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน จะได้สิทธิยกเว้นภาษี 50 ล้านบาท
  • เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง (แบบบุคคลธรรมดา) ที่นำมาใช้พักอาศัยเองเป็น 'บ้านหลังหลัก'  โดยครอบครองเฉพาะที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินอย่างใดอย่างหนึ่ง จะได้สิทธิยกเว้นภาษี 10 ล้านบาท

รายละเอียดด้านบนนี้ คือสิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องทำความรู้จักกับ "ภาษีที่ดินใหม่" ที่กำลังจะเรียกเก็บเร็ว ๆ นี้ ชนันธรหวังว่าเพื่อน ๆ จะสามารถทำความเข้าใจอย่างถูกต้องและครบถ้วนกันด้วยนะคะ

Living Tips

เราใช้คุกกี้ ( Cookie ) เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี และพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเสนอข้อมูล ข้อกำหนดและเงื่อนไข

ยอมรับ