เราต้องทำการสำรวจตัวเอง พร้อมหรือยัง กับการผ่อนในระยะยาว สภาพทางการเงินเราเป็นอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเรามาประเมินตัวเองกันเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้ธนาคารให้กู้สูงสุดตามเงินเดือน “หมื่นละล้าน” แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกู้ได้เต็มความสามารถ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะทำให้เราขาดความคล่องตัวในการบริหารเงินในแต่ละเดือน อย่าลืมว่าต้องหักเงินเดือน 70% ไปใช้หนี้ให้ธนาคาร ส่วนอีก 30% เราจะเหลือไว้ใช้จ่าย
จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนสำหรับการกู้สินเชื่อบ้านควรอยู่ที่ 40% ของรายได้ เช่น เรามีเงินเดือนอยู่ที่ 20,000 บาท เราควรผ่อนต่อเดือนประมาณ 8,000 บาท
*** หมื่นละล้าน หมายความว่า หากเรามีเงินเดือน 20,000 บาท เราจะสามารถกู้ซื้อบ้านได้ในราคา 1.8 - 2 ล้านได้ แต่เราจะต้องผ่อนตกเดือนละ 8,000 บาท ซึ่งค่อนข้างสูง อาจทำให้ขาดความคล่องตัวทางการเงินได้
ทุกครั้งที่เรามีหนี้ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อรถ ประวัติหนี้สินทุกอย่างทั้ง วงเงินอนุมัติ ประวัติการชำระหนี้ต่าง ๆ จะถูกส่งไปรวบรวมที่ เครดิตบูโร และสถาบันการเงินจะเรียกดูทุกครั้งที่มีการขอสินเชื่อเพื่อใช้พิจารณาประกอบการอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นแล้วผู้ที่ไม่เคยมีประวัติหนี้สินใด ๆ เลย สถาบันการเงินก็จะไม่เห็นประวัติการชำระหนี้ ทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถประเมิน ความรับผิดชอบในการชำระหนี้ของผู้สมัครกู้ได้ ถ้าเรามีประวัติการชำระหนี้มายาวนานเป็นเครื่องพิสูจน์ความรับผิดชอบต่อหนี้ของผู้ยื่นกู้ที่ดีนั่นเองค่ะ
ก่อนที่เราจะยื่นกู้นั้น แน่นอนเราต้องมีเงินเก็บของเราเอาไว้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว เผื่อเอาไว้ใช้จ่ายสำหรับเงินดาวน์ เพราะบางธนาคารอาจจะขอดูเงินเก็บของเรา แต่ในปัจจุบันนี้สถาบันการเงินมีการแข่งขันสูง ซึ่งทำให้หลายธนาคารเสนอกู้ได้ 100% ของราคาที่ประเมินอีกด้วย ดีมากเลยใช่ไหมล่ะคะ
หากคิดว่าคุณสมบัติการกู้บ้านของเราน่าจะผ่านยากแล้วล่ะก็ ตอนนี้ยังมีอีก 1 วิธี คือ กู้ร่วมกับคนนามสกุลเดียวกัน เราอาจจะดึงพี่น้องของเรามาเป็นผู้กู้ร่วมก็ได้ ใครที่มีรายได้ดีหรือโปรไฟล์ดีกว่าก็จะเป็นผู้กู้หลักค่ะ
เมื่อเรากู้ซื้อบ้าน ก็จะมาตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าอยากจะกู้ในระยะเวลานานแค่ไหน โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีระยะเวลาสัญญาการกู้ตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป และก็ไม่เกิน 30 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าอายุของเราเอง ต้องบวกกับระยะเวลาทำสัญญากู้ จะต้องได้ไม่เกิน 70 ปีนะ ถึงจะสามารถกู้ได้