เตรียมตัวรับมือกับ 5 โรคช่วงหน้าฝน

โรคติดต่อหน้าฝน โรคที่มาพร้อมกับฤดูฝนพรำ ๆ จะพาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงตลอดฤดูได้ยังไงล่ะคะเนี่ย

สภาพอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนจนไม่รู้ว่าอยู่ฤดูไหนกันแน่ แต่สภาพอากาศเดาไม่ได้แบบนี้ ตัวการทำให้สุขภาพเราถดถอ­­­ย โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่ฤดูฝนของจริง อาจต้องเตรียมรับมือกันหนักกว่านี้อีกเยอะ เพราะโรคที่มากับหน้าฝนก็มีไม่น้อย เราจึงต้องคอยระวังให้ดี


IMG_01

1.โรคฉี่หนู

เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่อยู่ในปัสสาวะของหนูหรือสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว โค กระบือ และสัตว์ฟันแทะทั้งหลายเป็นพาหะ โดยเชื้อเหล่านี้จะปะปนอยู่ในน้ำที่ท่วมขัง หากสัมผัสถูกเชื้อ จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา และเยื่อบุในช่องปากได้ง่าย ๆ เลย

อาการ

หลังได้รับเชื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะมีไข้สูง ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง และโคนขาอย่างรุนแรง ตาแดง คอแข็ง มีไข้ติดต่อกันหลายวันสลับกับไข้ลด ในกรณีที่มีอาการรุนแรง อาจมีจุดเลือดออกที่เพดานปาก หรือตามผิวหนัง จนกระทั่งตับวาย ไตวาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

การดูแลรักษา

สำหรับผู้ที่มีไข้ไม่สูงมาก ควรเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ และกินยาลดไข้ ห้ามใช้แอสไพรินเด็ดขาด หากต้องเดินย่ำน้ำท่วม ควรสวมใส่รองเท้าบูทเสมอ ต้องรีบล้างเท้าให้สะอาดทุกครั้ง และเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีประวัติหรือมีอาการเสี่ยง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะผู้ป่วยอาจถึงแก่ชีวิตได้


IMG_02

2.โรคเยี่อตาอักเสบ หรือตาแดง

เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อยู่ในน้ำตา และขี้ตา ติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิด หรือใช้ของร่วมกัน และยังอาจเกิดได้จาก การใช้น้ำไม่สะอาดล้างหน้า อาบน้ำ ถูกน้ำสกปรกที่มีเชื้อโรคกระเด็นเข้าตา หรือใช้มือ แขน และเสื้อผ้าที่สกปรก ขยี้ตา

อาการ

แผ่นเยื่อที่คลุมส่วนตาขาว จะผลิตเมือกเพื่อเคลือบ และหล่อเลี้ยงผิวของดวงตา ทำให้เกิดการระคายเคือง เส้นเลือดบวม และทำให้ตาค่อย ๆ แดงขึ้น มีอาการอักเสบ ทำให้น้ำตาลดลง จะมีอาการอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์

การดูแลรักษา

หากมีน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง และทันที อย่าใช้มือ แขน หรือผ้าที่ไม่สะอาดขยี้ตา หรือเช็ดตา อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง หรือเยื่อตาอักเสบ


IMG_03

3.โรคที่ติดต่อทางน้ำและทางอาหาร

ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง โรคบิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ และตับอักเสบ เกิดจากการกินอาหาร หรือดื่มน้ำ ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลชีพ ที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารที่ลำไส้ รวมทั้งการกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือใช้น้ำที่ไม่สะอาดมาประกอบอาหาร

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีไข้ ปวดบิดในท้อง หากติดเชื้อบิด อาจมีมูกหรือเลือดปนอุจจาระได้ ผู้ที่มีอาการตับอักเสบจะ มีไข้ อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลืองหรือคลื่นไส้อาเจียน

การดูแลรักษา

ระมัดระวังเรื่องอาหารที่กินเข้าไป กินแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด และใช้ช้อนกลาง ไม่กินอาหารที่ปรุงค้างไว้นานเกิน 6 ชั่วโมง เพราะอากาศที่ร้อนชื้น เป็นแหล่งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคนั่นเอง


IMG_04

4.โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

กลุ่มติดเชื้อทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ มักเกิดจากการที่ร่างกายอ่อนแอ เพราะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง จนติดเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ หรือในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยที่ไอ จามออกมา

อาการ

หากมีไข้ ไอ หายใจเร็ว หรือหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์ ผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

การดูแลรักษา

สวมหน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าปิดปากและจมูก ถ้าไอ จาม ควรล้างมือบ่อย ๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ไปสัมผัสมา หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย


IMG_05

5.โรคไข้เลือดออก

สาเหตุมาจากไวรัสเดงกีเกิดจากเชื้อไวรัส โดยมียุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัดประมาณ 5-8 วัน

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง (38.5-41 องศาเซลเซียส) ติดต่อกัน 2-7 วัน หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก เบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน จากนั้นจะมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หลังจากไข้ลดลง อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะช็อกหลังไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีอาการซึม กระสับกระส่าย กระหาย เหงื่อออก ตัวเย็น ปากเขียว ชีพจรเบาเร็ว อาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 12-24 ชั่วโมง

การดูแลรักษา

เมื่อมีอาการไข้ขึ้นสูง ห้ามกินยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น ให้เช็ดตัวและดื่มน้ำเพื่อลดไข้ สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าไข้ไม่ลดควรรีบไปพบแพทย์


เห็นมั้ยล่ะคะ ว่าเราควรต้องระมัดระวังให้มาก ๆ เพราะโรคที่มากับหน้าฝน น่ากลัวมาก ๆ เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายไปสู่คนรอบข้างได้ ดังนั้นนอกจากดูแลตัวเองให้ดี ที่สำคัญอย่าลืมดูแลคนรอบข้างกันด้วยนะคะ ^^

Living Tips

เราใช้คุกกี้ ( Cookie ) เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี และพัฒนาประสิทธิภาพในการนำเสนอข้อมูล ข้อกำหนดและเงื่อนไข

ยอมรับ